87 จำนวนผู้เข้าชม |
การล้างรถเป็นกิจกรรมที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องพื้นฐานของการดูแลรถยนต์ นอกจากจะทำให้รถดูสะอาด สวยงามแล้ว ยังช่วยป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้สะสมจนทำลายพื้นผิวสีรถในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกัน หากล้างรถบ่อยเกินไป หรือใช้อุปกรณ์และน้ำยาที่ไม่เหมาะสม ก็อาจส่งผลเสียต่อชั้นเคลือบสีและทำให้สีรถหมองเร็วขึ้นได้
คำถามที่พบบ่อยคือ “ควรล้างรถบ่อยแค่ไหน ถึงจะเหมาะสมและไม่ทำร้ายสีรถ” คำตอบของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ การใช้งาน และวิธีการล้างรถ
ล้างรถบ่อยแค่ไหนจึงเหมาะสม
โดยทั่วไปแล้ว หากใช้งานรถเป็นประจำทุกวัน และจอดกลางแจ้ง ควรล้างรถสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นมาตรฐานที่ดี เพราะรถที่ใช้งานในเมืองจะต้องเผชิญกับฝุ่นละออง ควันจากท่อไอเสีย คราบน้ำฝน และสิ่งสกปรกจากท้องถนน ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นาน สิ่งเหล่านี้อาจเกาะฝังแน่นบนผิวสีรถ และทำให้เกิดคราบหรือรอยด่างถาวรได้
แต่ถ้าหากรถจอดในร่มตลอดเวลา และใช้งานน้อย อาจล้างเพียงเดือนละ 2 ครั้งก็เพียงพอ โดยในช่วงที่รถไม่ได้สกปรกมาก อาจใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นเบา ๆ แทนการล้างด้วยน้ำเต็มระบบ
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการตัดสินใจล้างรถ
1. สภาพอากาศ
หากช่วงใดมีฝนตกบ่อย มีคราบโคลนหรือคราบน้ำฝน ควรล้างรถหลังจากฝนหยุด เพื่อป้องกันการเกิดคราบด่างหรือคราบน้ำฝังแน่น
2. เส้นทางการขับขี่
หากขับรถในพื้นที่ฝุ่นเยอะ หรือเส้นทางที่มีเศษหิน ทราย ควรล้างบ่อยกว่าปกติ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนเมื่อสัมผัสกับผิวสีรถ
3. การจอดรถกลางแจ้ง
รถที่จอดกลางแจ้งจะเจอทั้งแสงแดด มูลนก ยางไม้ และฝุ่น ควรล้างบ่อยกว่ารถที่จอดในร่ม และควรเช็ดคราบทันทีเมื่อเกิด เพราะคราบบางชนิดอาจกัดสีรถได้
ล้างรถอย่างไรไม่ให้ทำร้ายสี
แม้จะล้างรถบ่อย แต่หากล้างอย่างถูกวิธี สีรถก็จะยังดูเงางาม ไม่เสียหาย
เคล็ดลับสำคัญได้แก่
---------------------------------------------------------------
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com