ในธุรกิจที่ใช้รถเป็นส่วนสำคัญ เช่น ขนส่งสินค้า ส่งพัสดุ หรือบริการเดลิเวอรี ต้นทุนค่าน้ำมันเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ในธุรกิจขนส่งและส่งพัสดุ ความผิดพลาดเรื่องการวิ่งผิดเส้นทางหรือส่งของผิดพื้นที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อย ส่งผลให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
ปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวนมากที่ขับรถเพียงลำพัง ไม่ว่าจะขับไปทำงาน เดินทางต่างจังหวัด หรือขับรถตอนกลางคืน ความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หลายครอบครัวมีรถมากกว่า 1 คัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถของลูกหลาน หรือแม้แต่รถที่ใช้ทำธุรกิจ การดูแลและจัดการรถหลายคันพร้อมกันอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก
ถ้าคุณกำลังมองหา GPS Tracker ที่ไม่เพียงแค่ติดตามตำแหน่ง แต่ยังสามารถ ควบคุมเครื่องยนต์ได้จากระยะไกล
ถ้าคุณกำลังมองหา GPS Tracker ที่ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก และติดตามตำแหน่งรถได้แบบเรียลไทม์
VL01 และ VL02 จาก GPS ThaiCar คือรุ่นยอดนิยมที่คนใช้จริงแล้วติดใจแต่หลายคนอาจสงสัยว่า สองรุ่นนี้ต่างกันยังไง?
การติดตั้ง GPS Tracker ในรถของบริษัทไม่ใช่แค่เพื่อดูตำแหน่งรถ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการและควบคุมพฤติกรรมของพนักงาน
ในยุคที่ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความเร่งรีบ การมี GPS Tracker ติดรถไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัย
จำนวนจุดติดตั้ง GPS สำหรับรถส่งของ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน ประเภทของสินค้าที่บรรทุก และความต้องการในการควบคุมดูแล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
คำตอบคือ:ใช้ได้ แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้การถอด-ติดตั้งเป็นไปอย่างปลอดภัย และระบบ GPS ยังทำงานได้ดีบนรถคันใหม่
เมื่อคุณต้องการขายรถที่เคยติดตั้ง GPS ไว้ หลายคนอาจสงสัยว่า ควรถอดออกหรือให้ผู้ซื้อไปเลย? คำตอบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานและประเภทของ GPS
GPS และกล้องติดรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้รถ เมื่อใช้งานร่วมกันจะเสริมประโยชน์ให้ครอบคลุมมากขึ้น
หากวันหนึ่งคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนซิม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่าย เปลี่ยนค่าย หรือซิมหมดอายุ คำถามสำคัญคือ "ต้องตั้งค่าใหม่หรือไม่"
หากคุณติดตั้ง GPS Tracker ไว้ในรถ และสงสัยว่าอุปกรณ์ยังทำงานอยู่หรือเปล่า ไม่ว่าจะเพราะตำแหน่งไม่อัปเดต หรือแอปดูเหมือนนิ่งไปนาน
การใช้ GPS Tracker เพื่อติดตามตำแหน่งรถเป็นสิ่งสำคัญ แต่บางครั้งผู้ใช้อาจพบปัญหา สัญญาณ GPS หาย หรือ ตำแหน่งไม่อัปเดต
การติดตั้ง GPS Tracker ในรถยนต์ มีวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อติดตามตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ ป้องกันรถหาย และควบคุมการใช้งาน
การติดตั้ง GPS Tracker ในรถยนต์หรือรถบรรทุกมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อใช้ติดตามตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางหรือขนส่งสินค้า
การกำหนดความเร็วสูงสุดของรถบรรทุกมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งต่อตัวผู้ขับขี่ ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ
การใช้เทคโนโลยี GPS ติดตามรถเข้ามาช่วยบริหารจัดการรถบรรทุก เป็นหนึ่งในวิธีสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยกระดับมาตรฐานการให้บริการ
แม้คำว่า GPS Tracker และ GPS Tracking จะฟังดูใกล้เคียงกันมาก และมักถูกใช้แทนกันในบทสนทนาเกี่ยวกับระบบติดตามตำแหน่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว
GPS Tracker หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งด้วยดาวเทียม เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตำแหน่งของบุคคล ยานพาหนะ หรือสิ่งของต่าง ๆ
ในยุคที่ราคาน้ำมันสูง ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงกลายเป็นหนึ่งในภาระหลักของผู้ประกอบการขนส่ง ธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงเจ้าของรถที่ต้องใช้งานเป็นประจำทุกวัน
GPS Tracking หรือระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม ไม่ใช่เพียงอุปกรณ์เสริมในยุคดิจิทัลเท่านั้น แต่กลายเป็น หัวใจสำคัญ ของธุรกิจขนส่ง
GPS Tracking หรือ ระบบติดตามด้วยสัญญาณจีพีเอส คือเทคโนโลยีที่ใช้เครือข่ายดาวเทียมในการระบุตำแหน่งพิกัดของอุปกรณ์
ในการเปลี่ยนภาษาในแอป GPS ONE คุณจะต้องเข้าไปที่การตั้งค่าของแอปพลิเคชัน จากนั้นเลือก "ตั้งค่าภาษา" แล้วเลือกภาษาที่ต้องการ (เช่น ภาษาไทย)
หากคุณใช้ระบบ GPS ติดตามรถ ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว รถขนส่ง หรือรถบริษัท หน้าจอแอปหรือโปรแกรมติดตามจะแสดงตำแหน่งของรถเป็นไอคอนเล็ก ๆ พร้อมสีต่าง ๆ
GPS ติดตามรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ในปัจจุบัน ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อดูตำแหน่งปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังได้
การที่รถไม่มีไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่หมด ตัดสายไฟ หรือมีปัญหาระบบจ่ายไฟ อาจส่งผลต่อการทำงานของ GPS แตกต่างกันไปตามโครงสร้างของตัวอุปกรณ์