เหตุผลที่ควรใช้ GPS ในการประหยัดน้ำมัน

4 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เหตุผลที่ควรใช้ GPS ในการประหยัดน้ำมัน

ในยุคที่ราคาน้ำมันผันผวนสูง ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงกลายเป็นหนึ่งในภาระหลักของผู้ประกอบการขนส่ง ธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงเจ้าของรถที่ต้องใช้งานเป็นประจำทุกวัน การบริหารจัดการการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น และหนึ่งในเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมต้นทุนนี้ คือ ระบบ GPS ติดตามรถยนต์

GPS ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อระบุตำแหน่งรถเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยให้เจ้าของรถหรือผู้จัดการระบบขนส่งลดค่าน้ำมันได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านฟังก์ชันการติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ ซึ่งสามารถต่อยอดเป็นข้อมูลในการวางแผนและปรับปรุงการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาไปดูว่า ทำไมการใช้ GPS จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้จริง

1. ช่วยวางแผนเส้นทางที่สั้นและประหยัดที่สุด
ระบบ GPS สามารถคำนวณเส้นทางการเดินทางที่มีระยะทางสั้นที่สุดหรือใช้เวลาน้อยที่สุดได้ ซึ่งจะช่วยลดระยะทางที่ไม่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการติดขัดบนถนนได้ดี เมื่อระยะทางสั้นลง การใช้น้ำมันก็ลดลงตามไปด้วย

2. ตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับรถ
ระบบ GPS ที่เชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์จะสามารถแสดงข้อมูลการขับรถแบบเรียลไทม์ เช่น การเหยียบคันเร่งแรงเกินไป การเบรกกระทันหัน การจอดรถโดยไม่ดับเครื่อง หรือการขับรถเร็วเกินกำหนด พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้รถกินน้ำมันมากขึ้น หากตรวจพบแล้วนำไปปรับปรุง ก็จะช่วยลดการสิ้นเปลืองได้

3. ลดการใช้งานรถโดยไม่จำเป็น
GPS จะบันทึกข้อมูลการเดินทางทั้งหมดของรถแต่ละคัน หากมีการใช้งานรถนอกเวลางาน หรือมีการขับรถวนไปวนมาโดยไม่มีเหตุผล เจ้าของสามารถตรวจสอบได้ทันทีและป้องกันการใช้งานรถโดยไม่จำเป็น ซึ่งถือเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์

4. ติดตามสถานะน้ำมันได้แบบเรียลไทม์
ระบบ GPS ที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำมันสามารถแสดงปริมาณน้ำมันในถังได้อย่างแม่นยำ ทำให้รู้ว่ารถเติมน้ำมันจริงหรือไม่ เติมเท่าไร ใช้น้ำมันมากน้อยเพียงใด หากมีความผิดปกติ เช่น น้ำมันลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่วิ่งรถ ก็สามารถนำมาตรวจสอบหาสาเหตุได้ทันที

5. ลดการจอดรถโดยไม่จำเป็น
การจอดรถโดยไม่ดับเครื่องยนต์นานเกินไปทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น ระบบ GPS สามารถรายงานว่ารถจอดอยู่นานแค่ไหนและดับเครื่องหรือไม่ ผู้บริหารสามารถนำข้อมูลนี้มาใช้กำชับพนักงาน หรือกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อลดการใช้น้ำมันในลักษณะนี้

6. วางแผนการเติมน้ำมันอย่างมีระบบ
การใช้ GPS คู่กับระบบจัดการน้ำมันจะช่วยให้สามารถวางแผนการเติมน้ำมันในจุดที่เหมาะสม เช่น ปั๊มน้ำมันที่มีราคาถูกกว่า หรือเติมในช่วงเวลาที่มีโปรโมชั่น รวมถึงการควบคุมไม่ให้มีการเติมซ้ำหรือเติมเกินจำเป็น

7. ใช้ข้อมูลในการอบรมพนักงานขับรถ
เมื่อมีข้อมูลชัดเจนจากระบบ GPS เจ้าของกิจการสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการอบรมผู้ขับขี่ให้เข้าใจถึงผลกระทบของพฤติกรรมที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน และสามารถให้รางวัลแก่ผู้ที่ขับรถประหยัดเชื้อเพลิงได้ดี ช่วยสร้างแรงจูงใจและวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

8. ป้องกันการโกงค่าน้ำมัน
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญในวงการขนส่งคือการโกงค่าน้ำมัน เช่น เติมน้ำมันไม่จริงแต่เบิกเงิน หรือเติมแล้วถ่ายออกขาย ระบบ GPS ที่จับคู่กับข้อมูลจากปั๊มน้ำมันและเซ็นเซอร์วัดน้ำมันในรถจะช่วยตรวจสอบและจับความผิดปกติเหล่านี้ได้ชัดเจน

9. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบจัดการรถขนส่ง
เมื่อเจ้าของกิจการมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้น้ำมันของแต่ละคัน ก็สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับเส้นทาง ปรับรอบการเดินรถ หรือเลือกใช้รถที่ประหยัดพลังงานมากกว่าในงานบางประเภท ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลงในระยะยาว

10. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร
องค์กรที่สามารถควบคุมการใช้น้ำมันได้ดี สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ นอกจากจะลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ในด้านความโปร่งใส ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า


---------------------------------------------------------------
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้