เวลารถสตาร์ทไม่ติด หลายครั้งเกิดจาก "แบตเตอรี่หมด" ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะหากจอดรถทิ้งไว้นาน เปิดไฟลืมปิด หรือแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม วันนี้เราจะพาไปดูวิธีรับมือแบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องตื่นตระหนก
1. รู้ได้ยังไงว่าแบตหมด?
- บิดกุญแจแล้วไม่มีเสียงอะไรเลย
- ไฟหน้าหรือไฟในรถสว่างน้อย หรือไม่ติด
- วิทยุ แอร์ หรือหน้าจอไม่ทำงาน
- มีเสียงดัง “แชะแชะ” ตอนพยายามสตาร์ท
ถ้ามีอาการพวกนี้ น่าจะเกิดจากแบตหมด2. วิธีแก้: พ่วงแบตรถ ต้องมีรถอีกคัน หรือแบตสำรอง (Jump Starter) พร้อมสายพ่วงแบตขั้นตอนง่าย ๆ:- หนีบสายแดงกับขั้วบวก (+) ของทั้งสองคัน
- หนีบสายดำกับขั้วลบ (-) ของคันที่ยังใช้ได้ แล้วเอาปลายอีกข้างหนีบโลหะในรถคันที่แบตหมด
- สตาร์ทรถคันที่ยังใช้ได้ ทิ้งไว้ 2-3 นาที
- ลองสตาร์ทรถคันที่แบตหมด
- ถ้าสตาร์ทติด ให้ถอดสายออกตามลำดับ แล้วขับต่อสัก 20-30 นาที เพื่อให้แบตกลับมาเก็บไฟได้
3. ไม่มีใครช่วย? เรียกบริการฉุกเฉิน ถ้าไม่มีสายพ่วง หรือไม่มีรถอีกคัน สามารถ- โทรหาศูนย์บริการที่คุณใช้
- ติดต่อประกันภัยที่มีบริการช่วยเหลือ
- ใช้แอปที่มีบริการพ่วงแบต
4. เช็กแบตหลังจากนี้ หลังจากพ่วงแบตได้แล้ว ควรไปให้ร้านเช็กว่าแบตยังใช้งานได้ดีหรือเริ่มเสื่อม เพราะถ้าเสื่อมแล้ว ถึงพ่วงติดก็จะมีปัญหาอีกในอนาคต5. ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า- อย่าลืมปิดไฟ เครื่องเสียง ก่อนลงจากรถ
- อย่าจอดรถทิ้งไว้นานโดยไม่สตาร์ทเลย
- หมั่นเช็กแบตทุก 6 เดือน
- พกแบตพ่วงสำรองไว้ในรถสักเครื่อง อุ่นใจกว่าเยอะ
------------------------------------------------
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com