แบตหมด สตาร์ทรถไม่ติด ทำยังไงดี?

17 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แบตหมด สตาร์ทรถไม่ติด ทำยังไงดี?

เวลารถสตาร์ทไม่ติด หลายครั้งเกิดจาก "แบตเตอรี่หมด" ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะหากจอดรถทิ้งไว้นาน เปิดไฟลืมปิด หรือแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม วันนี้เราจะพาไปดูวิธีรับมือแบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องตื่นตระหนก

1. รู้ได้ยังไงว่าแบตหมด?

  • บิดกุญแจแล้วไม่มีเสียงอะไรเลย
  • ไฟหน้าหรือไฟในรถสว่างน้อย หรือไม่ติด
  • วิทยุ แอร์ หรือหน้าจอไม่ทำงาน
  • มีเสียงดัง “แชะแชะ” ตอนพยายามสตาร์ท
ถ้ามีอาการพวกนี้ น่าจะเกิดจากแบตหมด

2. วิธีแก้: พ่วงแบตรถ
ต้องมีรถอีกคัน หรือแบตสำรอง (Jump Starter) พร้อมสายพ่วงแบต
ขั้นตอนง่าย ๆ:
  • หนีบสายแดงกับขั้วบวก (+) ของทั้งสองคัน
  • หนีบสายดำกับขั้วลบ (-) ของคันที่ยังใช้ได้ แล้วเอาปลายอีกข้างหนีบโลหะในรถคันที่แบตหมด
  • สตาร์ทรถคันที่ยังใช้ได้ ทิ้งไว้ 2-3 นาที
  • ลองสตาร์ทรถคันที่แบตหมด
  • ถ้าสตาร์ทติด ให้ถอดสายออกตามลำดับ แล้วขับต่อสัก 20-30 นาที เพื่อให้แบตกลับมาเก็บไฟได้

 

3. ไม่มีใครช่วย? เรียกบริการฉุกเฉิน
ถ้าไม่มีสายพ่วง หรือไม่มีรถอีกคัน สามารถ
  • โทรหาศูนย์บริการที่คุณใช้
  • ติดต่อประกันภัยที่มีบริการช่วยเหลือ
  • ใช้แอปที่มีบริการพ่วงแบต

4. เช็กแบตหลังจากนี้
หลังจากพ่วงแบตได้แล้ว ควรไปให้ร้านเช็กว่าแบตยังใช้งานได้ดีหรือเริ่มเสื่อม เพราะถ้าเสื่อมแล้ว ถึงพ่วงติดก็จะมีปัญหาอีกในอนาคต

5. ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
  • อย่าลืมปิดไฟ เครื่องเสียง ก่อนลงจากรถ
  • อย่าจอดรถทิ้งไว้นานโดยไม่สตาร์ทเลย
  • หมั่นเช็กแบตทุก 6 เดือน
  • พกแบตพ่วงสำรองไว้ในรถสักเครื่อง อุ่นใจกว่าเยอะ


------------------------------------------------

สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้