6 จำนวนผู้เข้าชม |
คำตอบคือ "จอดรถตากฝน ไม่ได้ทำให้สีลอกทันที" แต่ถ้าจอดตากฝนบ่อย ๆ เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ดูแลหรือทำความสะอาดอย่างเหมาะสม “สีรถอาจเสื่อมสภาพและลอกได้ในระยะยาว”
ฝนในเมืองหรือฝนกรด (Acid Rain) คือสิ่งที่ควรระวังมากที่สุด เนื่องจากฝนไม่ได้มีแค่ “น้ำเปล่า” อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ในความเป็นจริง ฝนมักปนเปื้อนมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง เขม่าควันจากไอเสีย หรือสารเคมีในอากาศ เมื่อฝนตกลงมาจึงมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ หากทิ้งคราบฝนไว้บนรถโดยไม่ล้าง จะเกิดการกัดกร่อนผิวสีทีละน้อย และเมื่อแห้ง คราบน้ำฝนจะกลายเป็นคราบฝังแน่นที่ยากจะล้างออก ซึ่งทำให้ผิวรถด้าน ขุ่นมัว หรือเกิดรอยด่างได้
นอกจากนี้ น้ำฝนที่ไหลผ่านรอยขอบ ยางขอบกระจก หรือจุดที่เคลือบไม่ทั่วถึง อาจซึมเข้าใต้ชั้นแลคเกอร์ได้ เมื่อสะสมเป็นเวลานาน ความชื้นจะทำให้ชั้นสีเกิดการแยกตัว หรือ “พองลอก” ได้ในที่สุด โดยเฉพาะในรถที่มีอายุการใช้งานนาน หรือรถที่ไม่ได้เคลือบป้องกันชั้นสีอย่างสม่ำเสมอ
วิธีป้องกันความเสียหายจากการจอดรถตากฝน
1. หลีกเลี่ยงการจอดกลางแจ้งเป็นเวลานาน หากรู้ว่าฝนกำลังจะตก หรือฤดูฝนมาถึง ควรพยายามหาที่จอดในที่ร่ม เช่น ลานจอดในอาคาร หรือใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำคุณภาพดีช่วยป้องกัน
2. ล้างรถหลังฝนหยุด เพื่อชำระล้างคราบฝน มลพิษ และฝุ่นละอองออกจากพื้นผิวรถ ไม่ควรปล่อยให้แห้งเอง เพราะจะเกิดคราบน้ำฝังลึกได้ง่าย
3. เคลือบสีและเคลือบแก้วเป็นประจำ การเคลือบจะช่วยเสริมชั้นปกป้องให้กับสีรถ ทำให้ฝนไม่สามารถเกาะแน่น และช่วยให้ล้างออกง่าย
4. เช็ดรถให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณขอบประตู ยางขอบ และซอกต่าง ๆ ป้องกันความชื้นสะสมและเชื้อรา
---------------------------------------------------------------
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com