21 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนคงเคยมีประสบการณ์เดินทางไกล ไม่ว่าจะโดยรถยนต์ รถตู้ หรือรถทัวร์ แม้ว่าตลอดทางจะ “แค่นั่งเฉย ๆ” ขับ ไม่ได้ยกของ ไม่ได้ออกแรง แต่พอถึงจุดหมายปลายทางกลับรู้สึกอ่อนล้า เพลีย ปวดตัว และบางครั้งถึงขั้นต้องพักนานกว่าจะฟื้นตัว
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจแต่อย่างใด แต่มีเหตุผลทางร่างกายและจิตใจที่ชัดเจนหลายประการดังนี้
1. กล้ามเนื้อถูกจำกัดการเคลื่อนไหว
เมื่อเรานั่งในท่าเดิมต่อเนื่องเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อบางส่วนจะหดเกร็งอยู่ตลอดเวลา เช่น กล้ามเนื้อหลัง คอ ต้นขา และสะโพก ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า แม้จะไม่ได้ใช้งานหนัก แต่กล้ามเนื้อไม่ได้ผ่อนคลายเลย ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยโดยเฉพาะในช่วงหลังล่างและไหล่
2. การสั่นสะเทือนจากรถ
แรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน และแรงเหวี่ยงในขณะเลี้ยว เบรก หรือเร่งเครื่อง ส่งผลต่อระบบกล้ามเนื้อและสมอง แม้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ร่างกายต้องปรับตัวตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ ทำให้ร่างกายใช้พลังงานไปโดยไม่รู้ตัว คล้ายกับการออกกำลังกายเบา ๆ ตลอดเวลา
3. อากาศในห้องโดยสารไม่ถ่ายเท
อากาศในรถโดยสารปิดมิดชิด โดยเฉพาะหากเปิดแอร์ตลอดทาง จะมีปริมาณออกซิเจนน้อยกว่าปกติ ทำให้สมองและร่างกายได้รับออกซิเจนลดลง ส่งผลให้รู้สึกอ่อนล้า ง่วง และมึนหัวได้ง่ายกว่าการอยู่กลางแจ้ง
4. ภาวะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว
เมื่ออยู่ในห้องแอร์ ร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านการหายใจและทางผิวหนังโดยไม่รู้ตัว หากไม่ได้ดื่มน้ำระหว่างทาง อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำเล็กน้อย ซึ่งมีผลต่อความล้าของร่างกายเช่นกัน อาการที่พบบ่อยคือ ปากแห้ง มึนหัว เพลีย และไม่มีแรง
5. ความเครียดและความตึงเครียดจากการเดินทาง
แม้จะไม่ใช่ผู้ขับขี่ แต่การนั่งในรถนาน ๆ ต้องเผชิญกับเสียง แรงกระแทก หรือแม้แต่ความเครียดจากการเดินทาง เช่น เสียงแตรรถ เสียงเครื่องยนต์ หรือการกังวลเรื่องการถึงจุดหมาย ล้วนส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้รู้สึกเหนื่อยแม้ไม่ได้ออกแรง
6. การนอนหลับในรถไม่มีคุณภาพ
แม้จะเผลอหลับระหว่างทาง แต่การนอนในท่านั่ง หรืออยู่ในที่แคบ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ จะทำให้สมองไม่เข้าสู่ภาวะหลับลึกอย่างแท้จริง ส่งผลให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ และตื่นมาด้วยความเหนื่อยล้า
-------------------------------------------
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com