ข้อควรรู้ เมื่อต้องขับรถบรรทุก

31 จำนวนผู้เข้าชม |

การขับรถบรรทุกไม่ใช่เพียงแค่ขับรถคันใหญ่เท่านั้น แต่ต้องอาศัยความรับผิดชอบ ความเข้าใจในกฎหมาย และทักษะเฉพาะทางที่แตกต่างจากการขับรถยนต์ทั่วไปอย่างมาก เพราะรถบรรทุกมีน้ำหนักมาก มีจุดอับสายตาหลายจุด ใช้ระยะเบรกนาน และอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุ

ดังนั้นก่อนที่ใครจะขึ้นหลังพวงมาลัยรถบรรทุก ควรเรียนรู้และเข้าใจข้อควรรู้พื้นฐานดังต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่นบนท้องถนน

1. รู้จักกับ "จุดอับสายตา" ของรถบรรทุก
รถบรรทุกมีจุดบอดหลายจุด ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง คนขับต้องตรวจสอบรอบรถทุกครั้งก่อนเคลื่อนตัว และต้องใช้กระจกมองข้าง-มองหลังให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงหมั่นเช็กมุมกระจกเป็นระยะระหว่างขับ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุโดยเฉพาะขณะเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน

2. เว้นระยะห่างให้มากกว่ารถทั่วไป
ด้วยน้ำหนักรถที่มาก การเบรกของรถบรรทุกจะใช้ระยะทางยาวกว่ารถทั่วไปมาก การเว้นระยะห่างจากคันหน้าอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้มีเวลาตัดสินใจและเบรกได้ทันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

3. ตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก ยาง เครื่องยนต์ ระบบไฟส่องสว่าง หรือระบบ GPS ติดตามรถ สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ตรวจเช็กลมยางและระบบเบรกอย่างละเอียด เพราะปัญหาเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้

4. หลีกเลี่ยงการใช้ความเร็วเกินกำหนด
แม้บางเส้นทางจะโล่ง แต่รถบรรทุกไม่ควรขับเร็วเกินกำหนดโดยเด็ดขาด เพราะความเร็วที่สูงจะทำให้การควบคุมรถทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเข้าโค้งหรือเวลาที่เกิดสถานการณ์เฉพาะหน้า

5. ระวังทางลาดชันและทางโค้งบนภูเขา
การขับรถบรรทุกขึ้นเขาหรือทางลาดชัน ต้องใช้เกียร์ต่ำและควบคุมความเร็วให้นิ่ง ห้ามใช้เบรกอย่างเดียวในการชะลอความเร็วบนทางลงเขา เพราะจะทำให้ระบบเบรกไหม้ ควรใช้เกียร์ต่ำควบคู่กับเบรกเป็นจังหวะ

6. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ขับขี่ขณะง่วง
ผู้ขับรถบรรทุกต้องเผชิญกับการเดินทางระยะไกล หากพักผ่อนไม่พอจะทำให้เสียสมาธิและเกิดอาการหลับในได้ง่าย ควรจัดตารางการขับขี่ให้เหมาะสม และหยุดพักทุก 2-3 ชั่วโมงเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

7. ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ต้องพกใบขับขี่ประเภทที่ถูกต้องสำหรับรถบรรทุก (เช่น ท.2 หรือ ท.3) รวมถึงตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถมีใบอนุญาตประกอบการขนส่ง, GPS ติดตามรถที่เชื่อมกับกรมการขนส่งฯ, และปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมาย เช่น ชั่วโมงการขับขี่และเวลาพัก

8. สื่อสารกับเพื่อนร่วมทางอย่างมีมารยาท
การใช้สัญญาณไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน หรือแตร ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและเหมาะสม เพื่อสื่อสารกับผู้ขับขี่คนอื่นอย่างชัดเจน และลดความเข้าใจผิดบนท้องถนน