41 จำนวนผู้เข้าชม |
เจอ GPS แอบซ่อนในรถ! ควรทำอย่างไร?
การพบอุปกรณ์ GPS แอบซ่อนอยู่ในรถยนต์โดยที่เจ้าของรถไม่เคยได้รับแจ้งหรือไม่ได้เป็นผู้ติดตั้งเอง อาจเป็นสถานการณ์ที่สร้างความตกใจ ความกังวลใจ และความไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยส่วนตัวได้อย่างมาก ปัจจุบันอุปกรณ์ติดตามเหล่านี้มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก และสามารถทำงานได้แม้ไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบไฟของรถโดยตรง ทำให้บุคคลทั่วไปที่ไม่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีก็สามารถซื้อมาติดตั้งได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามี GPS แอบซ่อนอยู่ในรถของตน การตัดสินใจต่อไปควรมีพื้นฐานจากเหตุผล ความรู้ทางกฎหมาย และการป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว
สิ่งแรกที่ควรทำคือควบคุมสติและพิจารณาอุปกรณ์ที่พบอย่างละเอียดว่าเป็นอุปกรณ์ประเภทใด อุปกรณ์ GPS ติดตามบางรุ่นจะมีไฟแสดงสถานะ มีซิมการ์ด และมีบอดี้ที่ดูคล้ายกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป หากสามารถถอดออกได้โดยไม่กระทบกับระบบรถ ควรเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานโดยไม่ทำลายหรือทิ้งไป เพื่อให้สามารถใช้เป็นวัตถุพยานในการดำเนินการต่อไปได้อย่างถูกต้อง
หลังจากนั้นควรดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปให้ตรวจสอบว่าเป็นอุปกรณ์ติดตามจริงหรือไม่ และตรวจสอบว่ามีการเชื่อมต่อกับหมายเลขโทรศัพท์หรือระบบใดในการส่งข้อมูลออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขอข้อมูลจากผู้ให้บริการเครือข่ายหรือผู้ผลิตอุปกรณ์ได้ในกรณีที่มีหลักฐานเพียงพอเพื่อใช้ในการสืบสวนต่อไป
ในระหว่างที่กระบวนการตรวจสอบดำเนินอยู่ เจ้าของรถควรพิจารณาดูแลความปลอดภัยส่วนตัวมากขึ้น ไม่ควรขับรถไปยังสถานที่ส่วนตัวหรือสถานที่สำคัญที่ต้องการเก็บเป็นความลับ เพราะอุปกรณ์ GPS ที่ยังไม่ถูกปิดระบบหรือถอดซิมการ์ดอาจยังสามารถส่งข้อมูลตำแหน่งออกไปได้โดยไม่รู้ตัว การหลีกเลี่ยงการเดินทางในเส้นทางที่สามารถถูกติดตามซ้ำได้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกสะกดรอยหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเพิ่มเติม
หากพบว่าอุปกรณ์ GPS ที่พบมีลักษณะเชื่อมโยงกับความพยายามในการสะกดรอยคุกคาม หรือใช้ข้อมูลที่ได้จากการติดตามไปก่อให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของรถ ไม่ว่าจะในแง่ของชื่อเสียง ความปลอดภัย หรือการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เจ้าของรถสามารถดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งหรืออาญาต่อผู้กระทำได้ โดยอ้างอิงกฎหมายว่าด้วยสิทธิส่วนบุคคล พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงความผิดฐานคุกคามหรือรบกวนความสงบสุขของบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา
ในกรณีที่ผู้กระทำเป็นบุคคลในครอบครัวหรือคนรู้จัก เช่น คู่สมรสหรือแฟน การติดตั้งอุปกรณ์ GPS โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบหรือไม่ได้รับความยินยอมก็ยังถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเช่นกัน และไม่สามารถใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเป็นข้ออ้างในการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้ ดังนั้น การเจรจาหรือแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้ควรมีบุคคลที่สามหรือเจ้าหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้ เจ้าของรถยังสามารถนำรถเข้าตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการที่มีความสามารถด้านระบบไฟฟ้ารถยนต์ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากอุปกรณ์บางชนิดอาจถูกเชื่อมต่อไว้อย่างแนบเนียนหรือมีหลายจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การใช้เครื่องมือสแกนคลื่นสัญญาณหรือเครื่องตรวจสอบ GPS จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถของตนปลอดภัยจากการถูกติดตามโดยไม่ได้รับอนุญาต
สุดท้ายนี้ เจ้าของรถควรเรียนรู้วิธีป้องกันตนเองจากกรณีที่คล้ายกันในอนาคต เช่น การจอดรถในพื้นที่ปลอดภัย มีระบบกล้องวงจรปิด การตรวจสอบรถเป็นระยะโดยเฉพาะในบริเวณซ่อนอุปกรณ์ได้ง่าย เช่น ใต้เบาะ ใต้ท้องรถ หรือช่องเก็บของ และหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งหรือเส้นทางที่ใช้เป็นประจำผ่านช่องทางสาธารณะ
การค้นพบอุปกรณ์ GPS ที่ไม่รู้ที่มาภายในรถไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้ว ยังอาจเกี่ยวข้องกับการคุกคามที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน การรับมืออย่างมีสติ ใช้สิทธิทางกฎหมาย และดำเนินการอย่างรอบคอบจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com