รถที่ต้องติดตั้ง gps ตามกฎหมาย
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการควบคุมและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่ง การติดตั้ง GPS ในรถยนต์ไม่ใช่เพียงเรื่องของความสะดวกสบายอีกต่อไป แต่กลายเป็นข้อบังคับทางกฎหมายสำหรับรถบางประเภท โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งเชิงพาณิชย์และความปลอดภัยสาธารณะ กรมการขนส่งทางบกได้ออกกฎหมายและประกาศให้รถบางประเภทต้องติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking ที่สามารถส่งข้อมูลเข้าสู่ศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมฯ ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่และติดตามตำแหน่งของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทรถที่กฎหมายบังคับให้ติดตั้ง GPS1. รถโดยสารสาธารณะ o รถโดยสารไม่ประจำทางและประจำทาง o รถตู้โดยสาร o รถแท็กซี่ (บางกรณีตามข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่) o รถสองแถวโดยสารประจำทางในบางจังหวัด o รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียนในบางพื้นที่2. รถบรรทุก o รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป หรือมีน้ำหนักบรรทุกเกิน 10 ตัน o รถบรรทุกที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตราย o รถลากจูงพ่วงที่ใช้ในการขนส่งสินค้าเชิงพาณิชย์3. รถขนส่งสินค้าเฉพาะทาง o รถตู้เย็นหรือรถควบคุมอุณหภูมิ o รถส่งของเร่งด่วนที่จดทะเบียนในรูปแบบกิจการพาณิชย์เป้าหมายของการติดตั้ง GPSการบังคับให้ติดตั้งระบบ GPS ไม่ได้เป็นเพียงการควบคุมผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนทุกคน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงานขับรถ เช่น ความเร็ว การหยุดพัก ความต่อเนื่องในการขับขี่ และการเดินรถตามเส้นทางที่กำหนด นอกจากนี้ ข้อมูลจาก GPS ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือการกระทำผิดกฎหมายความเชื่อมโยงกับกรมการขนส่งทางบกอุปกรณ์ GPS ที่ติดตั้งในรถที่อยู่ในกลุ่มที่กฎหมายบังคับ จะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และสามารถเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังระบบของกรมฯ ได้ โดยข้อมูลที่ระบบจะต้องส่ง ได้แก่
- ตำแหน่งของรถ (Latitude/Longitude)
- ความเร็วขณะขับขี่
- เวลาที่รถหยุดหรือเคลื่อนที่
- ข้อมูลการรูดบัตรพนักงานขับรถ
- สถานะของเครื่องยนต์
โทษกรณีไม่ปฏิบัติตามหากรถที่อยู่ในกลุ่มบังคับไม่ติดตั้งระบบ GPS ตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบการจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก โดยมีบทลงโทษทั้งในรูปแบบการปรับเงิน และการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการ ได้แก่
- ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
- ในกรณีที่ติดตั้งแล้วแต่ไม่เชื่อมต่อข้อมูลเข้าระบบของกรมฯ จะมีค่าปรับเพิ่มเติมตามรอบการตรวจสอบ
- ผู้ขับรถที่ไม่รูดบัตรใบขับขี่ก่อนเริ่มเดินรถ อาจถูกปรับเช่นกัน
สรุปการติดตั้งระบบ GPS สำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่ยังเป็นการยกระดับความปลอดภัยของระบบขนส่งในประเทศ และเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานของผู้ประกอบการในสายงานโลจิสติกส์และบริการขนส่งสาธารณะ ดังนั้น หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ หรือกำลังวางแผนจะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถในกลุ่มนี้ ควรศึกษาข้อกำหนดให้ครบถ้วนและเลือกใช้บริการ GPS ที่ผ่านการรับรองและเชื่อมต่อกับกรมการขนส่งทางบกได้ เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษและส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจให้ดูน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
Email: gpsthaicar@gmail.com