“Netflix เกือบไม่ได้เกิด!”
เรื่องจริงของบริษัทที่เคยถูกหัวเราะเยาะ เมื่อเสนอขายตัวเองให้ Blockbuster แต่กลับกลายเป็นผู้พลิกอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งโลก
จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของ Netflix ที่ไม่มีใครเชื่อ
ย้อนกลับไปในปี 1997 “Reed Hastings” และ “Marc Randolph” ก่อตั้งบริษัทชื่อ “Netflix” ในเมืองเล็ก ๆ ที่แคลิฟอร์เนีย พวกเขาเกิดไอเดียหลังจาก Hastings ต้องจ่ายค่าปรับหนังจาก Blockbuster ที่คืนช้า...ถึง 40 ดอลลาร์
Netflix เริ่มต้นจากโมเดลที่แทบไม่มีใครทำในตอนนั้น:
บริการ “เช่าดีวีดีทางไปรษณีย์” พร้อมระบบสมาชิกรายเดือน โดยไม่คิดค่าปรับเมื่อคืนหนังช้า!ในช่วงปลายยุค 90 โมเดลนี้ยังใหม่มาก และผู้คนส่วนใหญ่ยังคุ้นเคยกับการเดินเข้าร้าน Blockbuster เพื่อเลือกหนังมากกว่าจุดเปลี่ยน: เมื่อ Netflix ขอขายตัวเอง... แต่กลับถูกปฏิเสธปี 2000 Netflix ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก รายได้ไม่เพียงพอกับต้นทุนในการขยายกิจการ Reed Hastings ตัดสินใจเดินเข้าไปเจรจากับ Blockbuster ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในขณะนั้นเขาเสนอขาย Netflix ทั้งบริษัทในราคาเพียง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ Blockbuster ตอบกลับว่าอะไร?“Netflix เป็นแค่แฟชั่นชั่วคราว” “คนยังไงก็ต้องไปเช่าหนังจากร้านเหมือนเดิมอยู่ดี”John Antioco ซีอีโอของ Blockbuster ในเวลานั้น ปฏิเสธข้อเสนอโดยไม่ใยดี เขาเชื่อว่า Netflix ไม่ใช่ภัยคุกคาม และมองไม่เห็น “อนาคต” ของวิดีโอออนไลน์เลยแม้แต่น้อยNetflix ไม่ยอมแพ้ และเริ่มเดิมพันกับ “การสตรีมมิ่ง”หลังจากถูกปฏิเสธ Netflix เริ่มมองหาหนทางใหม่ที่แตกต่าง พวกเขาพัฒนาระบบ Streaming Video On Demand (VOD) โดยเริ่มให้บริการในปี 2007แนวคิดคือ:ไม่ต้องรอส่งดีวีดี ไม่ต้องเดินไปเช่าหนัง เพียงคลิกเดียว ผู้ใช้ก็สามารถดูหนัง-ซีรีส์ที่บ้านได้ทันทีและนี่เองคือ “จุดหักเหครั้งใหญ่” ของวงการบันเทิงขณะเดียวกัน… Blockbuster ทำอะไรอยู่?Blockbuster ยังเชื่อมั่นในโมเดลเดิม ใช้สาขากว่า 9,000 แห่งทั่วโลกเป็นจุดแข็ง แม้จะเริ่มรู้ตัวและพยายามพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองในปี 2004 แต่ก็สายเกินไปบริษัทเริ่มขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงปี 2010 ก็ต้องยื่นล้มละลาย จากยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดเช่าวิดีโอมาหลายทศวรรษ… เหลือเพียงสาขาเดียวในรัฐ Oregon สหรัฐฯNetflix: จากสตาร์ทอัพที่ถูกปฏิเสธ สู่เจ้าพ่อวงการบันเทิงในช่วงเวลาเดียวกัน Netflix พัฒนาแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่ายขึ้น เปิดตัว “Netflix Originals” เช่น House of Cards, Stranger Things, The Crown และลงทุนกับการผลิตคอนเทนต์ของตัวเอง จนกลายเป็นแบรนด์ที่มีผู้ติดตามทั่วโลก ปัจจุบัน (2025):- มีผู้ใช้งานมากกว่า 260 ล้านคน
- ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ
- มูลค่าบริษัทสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Netflix ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มดูหนัง แต่กลายเป็นผู้ผลิต-ผู้แพร่ภาพหลักของวงการบันเทิงโลกบทเรียนจากเรื่องนี้สำหรับนักธุรกิจ:- อย่าประเมินคู่แข่งเล็ก ๆ ต่ำเกินไป
- การเปลี่ยนแปลงอาจเริ่มจากบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครเชื่อ
สำหรับคนเริ่มต้น:- คำปฏิเสธ ไม่ได้หมายถึงจุดจบ
- Netflix ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แต่กลับกลายเป็นผู้เปลี่ยนทั้งอุตสาหกรรม
บางครั้ง การไม่ยอมแพ้ คือสิ่งที่เปลี่ยนคุณจาก “คนถูกหัวเราะ” เป็น “คนที่ทุกคนต้องมองขึ้นไป”
สรุป
“ถ้าวันนั้น Blockbuster ซื้อ Netflix...
วันนี้เราอาจไม่มี Stranger Things, Squid Game หรือแม้แต่คำว่า ‘Netflix and Chill’ เลยก็ได้”
สนใจติดตั้ง Gps ติดต่อสอบถามได้ที่
0802956052 พี่บอย
0802951830 พี่ปูเป้
@ gpsthaicar