38 จำนวนผู้เข้าชม |
วิธีการรักษาสภาพยางรถยนต์
ยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีผลต่อทั้งความปลอดภัย การควบคุมรถ และความประหยัดในการขับขี่ แต่หลายครั้งผู้ขับขี่กลับละเลยการดูแลรักษายางอย่างถูกต้อง จนทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร หรือแม้แต่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ดังนั้น การรักษาสภาพยางรถยนต์อย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ
ตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ
แรงดันลมยางที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการขับขี่และอายุการใช้งานของยาง หากเติมลมยางน้อยเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนมากเกินไป เกิดความร้อนสะสมสูง สึกหรอเร็ว และเปลืองน้ำมันมากขึ้น ในทางกลับกัน หากเติมลมมากเกินไปจะทำให้พื้นที่สัมผัสถนนลดลง การยึดเกาะถนนลดลง และทำให้หน้ายางตรงกลางสึกก่อนเวลาอันควร ดังนั้นควรตรวจสอบและเติมลมตามค่าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนออกเดินทางไกล
สลับยางเป็นประจำ
การสลับยางช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอทุกตำแหน่ง เพราะตำแหน่งของยางแต่ละล้อมีลักษณะการรับน้ำหนักและการหมุนที่แตกต่างกัน ยางล้อหน้าโดยเฉพาะรถขับเคลื่อนล้อหน้าจะสึกเร็วกว่ายางล้อหลัง การสลับยางทุกระยะประมาณหนึ่งหมื่นกิโลเมตร หรือทุกหกเดือน จึงช่วยให้ยางสึกหรอช้าลง และยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น
ตั้งศูนย์และถ่วงล้อให้ถูกต้อง
ระบบศูนย์ล้อที่ดีจะช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ ควบคุมรถได้ดีขึ้น และลดการสึกหรอของชิ้นส่วนอื่นๆ ในระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่าง หากศูนย์ล้อผิดเพี้ยนจะทำให้ยางสึกด้านใดด้านหนึ่งเร็วผิดปกติ รวมถึงอาจส่งผลให้รถเกิดอาการส่ายหรือดึงไปข้างใดข้างหนึ่งได้ นอกจากนี้ การถ่วงล้อยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ทำให้หน้ายางสึกอย่างเรียบสม่ำเสมอ และเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่
ขับขี่อย่างนุ่มนวล
พฤติกรรมการขับขี่มีผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของยาง การออกตัวแรง เบรกกะทันหัน เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือขับบนพื้นถนนขรุขระบ่อยครั้ง ล้วนส่งผลให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น การขับขี่อย่างนุ่มนวล รักษาความเร็วให้คงที่ เว้นระยะห่างระหว่างรถคันหน้า และหลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุมหรือไถลไปชนขอบทาง จึงช่วยถนอมยางและระบบช่วงล่างของรถได้ดี
ทำความสะอาดและตรวจเช็กสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ
ควรหมั่นตรวจดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในร่องดอกยางหรือไม่ เช่น หิน กรวด หรือเศษโลหะ ที่อาจทำให้ยางเสียหายภายหลัง นอกจากนี้ควรสังเกตว่ามีรอยบาด รอยแตก หรือรอยโป่งพองบริเวณหน้ายางหรือแก้มยางหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกิน
น้ำหนักบรรทุกที่มากเกินไปจะสร้างแรงกดดันให้กับยางเพิ่มขึ้นกว่าค่ามาตรฐาน ส่งผลให้ยางเกิดความร้อนสูงและสึกหรอเร็ว นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิดขณะขับขี่ทางไกลได้ง่ายขึ้น ควรศึกษาค่าความสามารถในการรับน้ำหนักสูงสุดของยางแต่ละรุ่นที่ติดตั้งไว้ในรถ และไม่ควรบรรทุกเกินกำหนด
เก็บรักษายางสำรองอย่างถูกวิธี
ยางอะไหล่หรือยางสำรองควรเก็บในที่ร่ม แห้ง ไม่มีความชื้น และไม่ควรวางในที่ที่โดนแสงแดดหรือความร้อนสูงโดยตรง เพราะจะทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น แม้จะยังไม่ได้นำมาใช้งานก็ตาม
ตรวจสอบอายุการใช้งานของยาง
ยางรถยนต์แม้จะยังดูเหมือนใหม่แต่หากใช้งานมานานเกิน 5-6 ปี ควรพิจารณาเปลี่ยนใหม่ แม้ว่ายางจะยังมีดอกเหลือเยอะก็ตาม เพราะเนื้อยางเมื่อใช้งานนานไปจะเริ่มแข็งตัวและสูญเสียคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่น การยึดเกาะถนนลดลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
LINE: @gpsthaicar
Email: gpsthaicar@gmail.com