27 จำนวนผู้เข้าชม |
ติดตามรถอย่างไรให้ถูกกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
ในยุคที่เทคโนโลยี GPS เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การติดตามรถยนต์ด้วยอุปกรณ์ GPS Tracker ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในภาคธุรกิจ เช่น การควบคุมเส้นทางการขนส่ง การตรวจสอบการใช้งานรถบริษัท หรือแม้แต่ในระดับบุคคล เช่น เจ้าของรถที่ต้องการป้องกันการโจรกรรม
อย่างไรก็ตาม การใช้อุปกรณ์ติดตามพาหนะที่ผิดวิธี หรือใช้โดยไม่แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ขับขี่ทราบ อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือแม้แต่การกระทำผิดตามกฎหมายได้เช่นกัน ดังนั้น การติดตามรถให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
การติดตามรถโดยใช้ GPS จะถูกกฎหมายก็ต่อเมื่อเจ้าของรถหรือผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถเป็นผู้ติดตั้งด้วยความสมัครใจ หรือมีการแจ้งและได้รับความยินยอมจากผู้ใช้รถอย่างชัดเจน เช่น ในกรณีที่รถเป็นทรัพย์สินของบริษัท การติด GPS เพื่อตรวจสอบเส้นทางและการใช้งานของพนักงาน สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หากมีการแจ้งในนโยบายบริษัทอย่างโปร่งใส และไม่ใช้ข้อมูลที่ได้จากระบบ GPS ไปในทางที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เช่น การนำข้อมูลไปเปิดเผยโดยไม่มีเหตุอันควร หรือใช้ในการควบคุมชีวิตส่วนตัวของผู้ขับรถเกินขอบเขตของงาน
ในกรณีของรถยนต์ที่อยู่ในระบบไฟแนนซ์ บริษัทเจ้าของสินเชื่อมีสิทธิในการติดตั้ง GPS เพื่อใช้ในการติดตามรถ หากลูกค้าเกิดการผิดนัดชำระหนี้ แต่ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน โดยทั่วไปบริษัทจะระบุไว้ในเงื่อนไขว่ามีการติด GPS เพื่อตรวจสอบสถานะของทรัพย์สิน หากไม่มีการระบุไว้ และติดตั้งโดยที่ลูกค้าไม่รู้ อาจถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิได้เช่นกัน
สำหรับกรณีของบุคคลทั่วไป เช่น เจ้าของรถที่ต้องการติดตามรถของตนเองนั้น สามารถติดตั้ง GPS ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย หากรถนั้นเป็นทรัพย์สินของตนเองโดยชอบธรรม และไม่มีผู้อื่นเป็นผู้ใช้งานหลักอย่างต่อเนื่อง แต่หากมีการนำรถให้บุคคลอื่นใช้ เช่น คู่สมรส บุตร หรือพนักงานขับรถ การติด GPS โดยไม่แจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ หากนำข้อมูลที่ได้ไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
กฎหมายไทยไม่ได้ห้ามการใช้ GPS ติดตามยานพาหนะโดยตรง แต่การใช้ต้องไม่ละเมิดกฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประมวลกฎหมายอาญา มาตราเกี่ยวกับความผิดฐานละเมิดความเป็นส่วนตัว การแอบบันทึก ติดตาม หรือเก็บข้อมูลโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ยินยอม
ดังนั้น หากต้องการติดตั้ง GPS เพื่อติดตามรถ ควรดำเนินการโดยมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร หรือมีการแจ้งและขอความยินยอมจากผู้เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน หากเป็นองค์กรควรจัดทำนโยบายการเก็บและใช้ข้อมูลจาก GPS ที่โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานหรือผู้ใช้รถ
การติดตามรถที่ดีไม่ควรมีเจตนาแอบแฝง หรือใช้เพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น เพราะนอกจากจะผิดศีลธรรมแล้ว ยังอาจนำไปสู่คดีความทางกฎหมายที่ไม่คุ้มกับผลที่ได้มา ในบางกรณีอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้วย
กล่าวโดยสรุป การใช้อุปกรณ์ GPS ติดตามรถสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย หากอยู่ภายใต้กรอบของความยินยอม ความโปร่งใส และการใช้ข้อมูลอย่างเหมาะสม การติดตามที่มุ่งเน้นประโยชน์ต่อความปลอดภัย การบริหารจัดการ หรือป้องกันทรัพย์สิน ย่อมเป็นสิ่งที่ส่งผลดี แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะเส้นแบ่งระหว่างการปกป้อง กับการละเมิดนั้น บางครั้งก็อยู่ใกล้กันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
Email: gpsthaicar@gmail.com