28 จำนวนผู้เข้าชม |
ตรวจเจอ GPS แอบซ่อน ต้องทำอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกกฎหมาย
ในยุคที่เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์ติดตามประเภท GPS Tracker กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วไปสามารถซื้อหาและนำมาใช้งานได้ไม่ยาก เดิมที GPS ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ เช่น การจัดการยานพาหนะ การเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง หรือการป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ แต่ในทางกลับกัน ก็มีผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยที่เจ้าของรถไม่รู้ตัว
เมื่อเจ้าของรถเกิดความสงสัยหรือพบว่ามีอุปกรณ์แปลกปลอมบางอย่างที่อาจเป็น GPS ซ่อนอยู่ในรถ สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การถอดออกทันที แต่ต้องรู้วิธีรับมืออย่างระมัดระวัง ทั้งในแง่ของความปลอดภัยของตนเอง และด้านกฎหมาย เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายหรือกลายเป็นปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง
เมื่อพบอุปกรณ์ที่เชื่อว่าเป็น GPS ซ่อนอยู่ในรถ สิ่งแรกที่ควรทำคือตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างใจเย็น พิจารณาว่าอุปกรณ์นั้นติดตั้งอย่างถาวรหรือไม่ หรือมีการเดินสายเข้าระบบไฟฟ้าของรถหรือไม่ หากพบว่าเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งแบบชั่วคราว เช่น วางซ่อนไว้ใต้เบาะ หรือติดแม่เหล็กไว้ใต้ท้องรถ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเป็นการติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต
การถ่ายภาพและบันทึกข้อมูลของอุปกรณ์ที่พบถือเป็นหลักฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่พบ ลักษณะของอุปกรณ์ ยี่ห้อหรือหมายเลขใดๆ ที่ปรากฏบนตัวเครื่อง ควรถ่ายภาพไว้จากหลายมุม เพื่อให้สามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินการทางกฎหมายหากจำเป็น
หลังจากบันทึกหลักฐานแล้ว ควรนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ โดยอธิบายว่าเป็นสิ่งของที่พบในรถส่วนตัวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และมีความสงสัยว่าอาจถูกติดตามหรือถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถให้คำแนะนำหรือส่งต่ออุปกรณ์ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบแหล่งที่มาได้ รวมถึงสามารถลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต เช่น หากมีการอ้างว่าอุปกรณ์นี้เป็นของบริษัท หรือมีการดำเนินคดีฟ้องร้องในภายหลัง
การถอดอุปกรณ์ออกจากรถเองโดยไม่ระมัดระวัง อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าของรถ หรือทำให้หลักฐานเสียหาย ควรให้ช่างผู้มีความรู้เฉพาะทางเป็นผู้ดำเนินการถอดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะหากอุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบไฟ หรือฝังไว้ในจุดที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นอยู่ใกล้เคียง
อีกประเด็นที่ควรพิจารณาคือว่าอุปกรณ์ดังกล่าวอาจไม่ได้มาจากบุคคลภายนอกเสมอไป ในบางกรณี รถที่อยู่ในระบบเช่าซื้อ หรือรถที่เป็นทรัพย์สินขององค์กร อาจถูกติด GPS โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทไฟแนนซ์ที่ติดตามรถเพื่อป้องกันการผิดนัดชำระ หรือบริษัทที่ติดตามยานพาหนะเพื่อบริหารจัดการพนักงาน การถอดอุปกรณ์ออกโดยพลการในกรณีนี้อาจเข้าข่ายละเมิดข้อตกลง จึงควรตรวจสอบเอกสารสัญญาก่อนดำเนินการใดๆ
นอกจากนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแหล่งที่มาของอุปกรณ์ และไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้ติดตั้ง ควรหลีกเลี่ยงการกล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐาน เพราะอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือใส่ความผู้อื่น ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ควรปล่อยให้การพิสูจน์เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
กล่าวโดยสรุป การพบ GPS แอบซ่อนในรถไม่ใช่เรื่องที่ควรตื่นตระหนกเกินเหตุ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณของการถูกติดตามโดยเจตนาไม่สุจริต เจ้าของรถควรมีสติ รู้จักเก็บหลักฐาน ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน และใช้ช่องทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการปกป้องสิทธิของตนเอง
สนใจติดตั้ง GPS หรือสอบถามเพิ่มเติม
080-295-6052 (พี่บอย)
080-295-1830 (พี่ปูเป้)
Email: gpsthaicar@gmail.com